The Last Journey of Backpacker
การเดินทางครั้งสุดท้ายก่อนแขวนเป้
ปฐมบท
การเดินทางครั้งสุดท้ายก่อนแขวนเป้
ปฐมบท
ไม่ได้มีความคิดจะโพสต์ลงเว็บเลยเพราะไม่ชอบเปิดเผยตัวตนต่อpublic สังเกตดูว่าเขามาโพสต์อะไรกันนะ ส่วนใหญ่จะเอารูปสวยๆมาโชว์และเล่าเรื่องสนุก ขำขำ บางคนบอกว่าเดี๋ยวนี้โพสต์อะไรกันก็ไม่รู้ เขาบอกว่าบางคนก็โพสต์หน่อมแน้ม ตั้งกระทู้โนเนะ แต่คนโพสต์ก็มีสิทธิเสรีภาพที่จะโพสต์น่ะ(เรานั้นถ่ายรูปออกมาไม่สวย ถ่ายรูปบุคคล อาคารบ้านเรือนพอได้ ถ่ายรูปวิวทิวทัศน์ออกมาห่วยแตกเลยสีออกมาตุ่นๆยังไงก็ไม่รู้ ถ่ายรูปในสถานที่มีแสงน้อยหรือที่มืดก็ห่วยแตกเหมือนกัน อยากได้กล้องSLRเหมือนกัน เกือบจะซื้อNikon D60แล้ว แต่คิดว่ามันเปลืองเงินโดยใช่เหตุจึงไม่ซื้อ อาศัยยืมกล้องคอมแพ็คคนอื่นมาใช้ดีกว่า)
ซึ่งการโพสต์นั้นเป็นเรื่องยากสำหรับเราเพราะเราเป็นคนรุ่นเก่ายุคอนาล็อค สามารถเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นเท่านั้นยังใช้ไม่เก่ง (ตอนสมัยเป็นนิสิตมหาวิทยาลัยเราใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เมนเฟรม เราต้องเขียนโปรแกรมเองโดยใช้ภาษาFortran 4 แล้วเอาโปรแกรมไปป้อนข้อมูลให้คอมพิวเตอร์โดยวิธีการเอากระดาษหลายแผ่นมาเจาะรูให้เป็นไปตามภาษาโปรแกรมที่เราเขียน แล้วเอากระดาษปึกนี้ไปป้อนข้อมูลให้คอมพิวเตอร์รันโปรแกรม เมื่อประมวลผลเสร็จคอมพิวเตอร์ก็จะพิมพ์ผลลัพธ์ออกมาบนกระดาษพิมพ์...หนุ่มสาวสมัยนี้เคยใช้ไหมล่ะ...555...ตอนนั้นยังไม่มีWindows ไม่มีDOS ไม่มีPCรุ่นCPU8bit)
ตุลาคม ๒๕๕๒เรารู้สึกเบื่อ อยากจะไปเที่ยวต่างประเทศสัก๖เดือน แล้วจะไปไหนดี กะว่าจะไปพุทธคยา ประเทศอินเดียสัก๒-๓เดือน(เพราะว่าเราคุ้นเคยกับอินเดีย ไม่กลัวแขกหลอก ขอให้มีmoneyก็ไปได้แล้ว ข้อมูลต่างๆไปสอบถามเอาข้างหน้าก็ได้) แล้วพอถึงเดือนมีนาคม๒๕๕๓ ก็จะหนีร้อนไปtrekkingที่เนปาลสัก๓เดือน (หลายคนคงอิจฉาว่าทำไมเราถึงมีเวลาว่างมากนัก รวยมากนักหรือไง คำตอบคือว่าเราลาออกจากงานแล้วน่ะตอนนี้ไม่มีเงิน สมัยยังทำงานอยู่เรานั่งเครื่องบินไปตรวจงาน๗๖จังหวัดแทบทุกสัปดาห์บางวันตอนเช้านั่งเครื่องบินไปเชียงรายตอนเย็นก็นั่งเครื่องบินไปภูเก็ต แค่ไม่กี่เดือนก็ได้บัตรทองTG ทำแต่งานไม่มีเวลาว่างไปเที่ยวเลย ไมล์สะสมทิ้งไปฟรีๆปีละหลายหมื่นไมล์ ก่อนลาออกได้เอาไมล์สะสมไปแลกตั๋วเครื่องบินไปกลับยุโรปได้๒ที่นั่งไปเที่ยวกับเพื่อนก็ยังมีไมล์สะสมเหลือ....สรุปคือตอนทำงานเราพอมีเงินบ้างแต่ไม่มีเวลาเที่ยว ตอนนี้มีเวลาว่างมากแต่ไม่มีเงิน...555) เราก็เช็คราคาตั๋วเครื่องบินไปอินเดียพบว่าตั๋วเที่ยวเดียวราคาถูกคือตั๋วแอร์เอเชียที่บินจากKuala LumpurไปยังTrivandrum, Kochi, Trichy แต่ถ้าต้องไปขึ้นเครื่องบินที่Kuala Lumpurเราก็ควรถือโอกาสไปเที่ยวที่บรมพุทโธ ประเทศอินโดนีเซียก่อนดีกว่า และเมื่อตั้งใจไปเที่ยวแบบแบ็คแพ็คเกอร์ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายก็ควรจะเที่ยวสถานที่อื่นในอินเดียบ้าง(เพราะว่าที่ผ่านมาเราไปเที่ยวแต่Buddhist Holy Placesและวัดพุทธศาสนา) ก็เลยปรับแผนการเดินทางใหม่ไปหลายๆที่ให้มันเว่อร์เข้าไว้ เวลาเดินทางจริงก็จะปรับเปลี่ยนแผนไปเรื่อยๆ
แผนการเดินทาง
1.Jakarta
2.Yogyakarta
3.Kuala Lumpur
4.Trichy
5.Tanjore
6.Chennai
7.Mamallapuram
8.Mysore, Belur&Halebid
9.Hampi, Badami
10.Hyderabad
11.Aurangabad(Ajanta&Ellora Caves)
12.Gujarat(Ahmedabad, Junagadh, Somnath, Palitana)
13.Rajasthan(Udaipur, Chittorgarh, Jodhpur, Jaisalmer, Bikaner, Pushkar, Jaipur)
14.Amritsar
15.Dharamsala
16.Manali
17.Delhi
18.Gaya(Bodhgaya)
19.Varanasi(Sarnath)
20.Gorakhpur(Kushinagar)
21.Lumbini
22.ABC
23.EBC
24.Gosainkund
ถ้ายังไม่หายเบื่อเดือนมิถุนายนก็จะกลับมาเที่ยวอินเดียอีกครั้ง มาtrekkingที่Himachal Pradesh, Ladakh
วางแผนเสร็จก็โทรบอกน้องชายซื้อหนังสือไกด์บุ๊คTrekking in the Nepal HimalayaของLonely Planetมาให้ เตรียมเงินไป๓,๕๐๐(คงไม่ต้องบอกนะว่าสกุลเงินอะไร) เอาบัตรเอทีเอ็มไปด้วย โทรบอกน้องชายซื้อตั๋วเครื่องบินให้ เพราะว่าเราจองตั๋วซื้อตั๋วทางอินเตอร์เน็ทไม่เป็นน่ะ...555
อยากรู้ไหมว่าเราจะเดินทางตามแผนที่วางไว้ได้หรือเปล่า มีอุปสรรคหรือเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นระหว่างเดินทางหรือเปล่า ถ้าอยากรู้ก็ต้องติดตามอ่านต่อไป
Indonesia _Mt. Bromo
๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๒
๒๐.๑๕ น. เดินทางออกจากสนามบินสุวรรณภูมิโดยสายการบินแอร์เอเชีย ถึงจาการ์ตา, อินโดนีเซีย ช้ากว่ากำหนด ผ่านด่านตม.ออกมาประมาณตีหนึ่งกว่า เป็นครั้งแรกที่เรามาอินโดนีเซีย เราไม่มีไกด์บุ๊คมาด้วย อาศัยหาอ่านข้อมูลจากเว็บทีเคทีนี่แหละ (เราเจอพระภิกษุไทย๑รูปก่อนขึ้นเครื่องบินและได้เข้าไปสนทนากับท่าน ทราบว่าท่านเป็นพระธรรมทูตอยู่ที่จาการ์ตา) มีพระอินโดนีเซียเอารถตู้มารับพระธรรมทูตที่สนามบิน ท่านเมตตาให้รถไปส่งเราที่สนามบินภายในประเทศ ที่หน้าอาคารผู้โดยสารมีคนมานั่งนอนรออยู่ประมาณ๒๐-๓๐คน
๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๒
๐๔.๐๐ น. ประตูหน้าอาคารผู้โดยสารเปิด เราก็เดินเข้าไปเช็คอิน แล้วก็จ่ายค่าairport tax (40,000 Rps. หรือ 5 US Dollar) เราไม่มีเงินอินโดนีเซียเราก็จ่ายไป 5 US
๐๖.๐๐ น. เครื่องบินออกจากสนามบิน ถึงสนามบินยอกยาการ์ตา ๐๗.๐๐ น. ผ่านตม.แล้วออกมาแลกเงิน 20 US = 17,200 Rps. (1 US = 8,600 Rps. แต่ถ้าเป็นแบงค์100USแลกได้ 1US = 9,000 Rps.) แล้วเดินไปยังอาคารฝั่งตรงข้ามเดินตามทางเลื่อนลงไปข้างล่าง แล้วขึ้นทางเลื่อนซึ่งเลื่อนขึ้นไปทางซ้ายถึงประตูทางออกอาคาร ออกประตูไปจะมองเห็นตู้ซึ่งเป็นจุดขึ้นรถโดยสารประจำทางสายTrans Jogjiaอยู่ข้างหน้าห่างประมาณ๒๐-๓๐เมตร เดินข้ามถนนตรงไปที่ตู้ เราจ่ายเงิน 3,000 Rps. ซื้อบัตรพลาสติคแข็งแล้วเอาไปเสียบที่เครื่องกั้นอัตโนมัติ ที่กั้นก็จะเปิดให้เราเข้าไปรอด้านใน ขึ้นรถสาย1Aไปลงที่ถนนMarioboro ลงรถแล้วเดินเข้าถนน Sosrowijayan มีคนเข้ามาถามว่าต้องการห้องพักไหม เราบอกว่าต้องการห้องพักราคาถูก เขาพาเราไปที่ Rejeki Homestay คืนละ 85,000 Rps. เอากระเป๋าใหญ่เก็บแล้วไปแลกเงิน เสร็จแล้วก็ไปเดินหาบริษัททัวร์เพื่อดูว่ามีรายการเดินทางไปไหนบ้างที่เราสนใจ ตกลงซื้อทัวร์ของSosro TourไปBromo วันที่ ๑๙-๒๐ พฤศจิกายน 440,000 Rps. (ค่ารถไปกลับรวมค่าห้องพักคู่และอาหารเช้าคนละ 300,000 Rps. ค่ารถจี๊ปชมพระอาทิตย์ขึ้น 70,000 Rps. เราอยากพักเดี่ยวเลยจ่ายเพิ่มอีก 70,000 Rps.) ซื้อทัวร์เสร็จก็ไปเดินเที่ยวย่านMarioboro
๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๒
๐๙.๐๐ น.ขึ้นรถที่บริษัททัวร์แล้วออกเดินทาง มีผู้โดยสาร๖-๗คน ถึงProbolinggoตอนเย็นแล้วเปลี่ยนเป็นรถคันใหม่ไปCemorolawang จ่ายค่าเข้าอุทยาน 25,000 Rps. ถึงที่พักBromo Permai Hotel ประมาณ ๒๐.๐๐ น.
๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๒
๐๓.๓๐ น. มีคนมาปลุกที่ห้อง ๐๔.๐๐ น. นั่งรถจี๊ปไปPenanjakan เพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้น เสร็จแล้วก็ไปภูเขาไฟโบรโม่ กลับมาถึงที่พักประมาณ ๐๙.๐๐ น. กินอาหารเช้า(มีข้าวผัดกับผัดหมี่)แล้วนั่งรถไปProbolinggo แล้วเปลี่ยนไปนั่งรถตู้ไปYogyakarta รถมาถึงหน้าบริษัทSosro Tourประมาณ ๒๓.๐๐ น. มีคนเดินเข้ามาถามว่าต้องการห้องพักไหม เราก็ให้เขาพาไปโรงแรม PJA ราคา 80,000 Rps. สภาพห้องไม่ดีเลยแต่มันดึกแล้วเราขี้เกียจเลือก แค่อาศัยนอนคืนเดียวพรุ่งนี้ค่อยหาที่พักใหม่
๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๒
ตอนเช้าย้ายมาพักที่Dewi Homestayซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับบริษัทSosro Tour (เมื่อวานนี้ห้องพักเต็ม) สภาพห้องพักดี ค่าห้องพักคืนละ 75,000 Rps. วันนี้นั่งรถเมล์สาย1Aไปเที่ยวPrambanan ตอนเย็นกลับมาซื้อทัวร์ไปDieng Plateauวันรุ่งขึ้น 175,000 Rps.
ลอกเขามาให้อ่าน
ภูเขาไฟโบรโม (Gunung Bromo) ภูเขาไฟโบรโมเป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับสนิท หนึ่งในภูเขาไฟหลายๆ ลูกของเทือกเขา Tengger ที่ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติ Bromo-Tengger-Semeru เมืองสุราบายา มีความสูงถึง 2,329 เมตร แต่ก็ยังไม่ใช่จุดที่สูงที่สุดของเทือกเขาแห่งนี้
นักท่องเที่ยวที่มาดื่มด่ำบรรยากาศ และความงามของภูเขาไฟโบรโมสามารถเข้าไปถึงปากปล่องภูเขาไฟโบรโมได้ง่ายที่สุดกว่าภูเขาไฟลูกใกล้ เคียงอื่นๆ เนื่องจากเป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับ จึงมีควันครุกรุ่นอยู่ตลอดเวลา ทำให้ภูเขาไฟโบรโมได้รับสมยานามว่า "ลมหายใจเทพเจ้า"
กลุ่มควันจากภูเขาไฟโบรโมที่ล่องลอยจากปล่องด้านบนที่เป็นแอ่งกว้างคล้าย หลุม ทำให้ตัวภูเขาไฟโบรโมที่มีสัณฐานป้านเตี้ยดูคลุมเครือ กลายเป็นภาพประกอบด้านหลังให้กับภูเขาไฟบาตอก (Mount Batok) ที่ตั้งอยู่ด้านหน้า รูปทรงของภูเขาไฟบาตอกสมมาตร พูนสูงขึ้น มีรอยจีบย่นรอบ ๆ อันเกิดจากลาวาที่ไหลออกมายามปะทุระเบิด ทำให้แปลกตากว่าภูเขาทั่วไป ภูเขาไฟโบรโมมีสีเขียวอ่อนที่เกิดจากพันธุ์ไม้ที่ขึ้นปกคลุม ทำให้ภูเขาไฟบาตอกดูมีชีวิตชีวา อ่อนเยาว์ ท่ามกลางความหม่นเทาของผืนทรายและกลุ่มควัน ด้านหน้าบริเวณตีนภูเขาไฟโบรโม วัดฮินดูสีเข้มตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว… ขับเน้นให้ภาพที่เห็นเบื้องหน้าคล้ายดินแดนแห่งเทพเจ้า…
ประมาณตี 4 ผู้คนนักท่องเที่ยวต่างพากันเดินทางโดยรถจี๊ป บุกตะลุยฝ่าความมืดขึ้นเขาลงเขา ไปยังจุดชมวิวบนยอดเขา“พีนันจากัน” บนระดับความสูงราว 2,770 เมตร เมื่อถึงจุดชมทัศนียภาพปากปล่องจากระยะไกลเป็นจุดแรก สิ่งที่เห็นคือภาพภูเขาไฟสามลูกเรียงกันอยู่ตรงหน้า งามจับใจจนหายง่วงและลืมความเหนื่อยล้าจากการนั่งรถ
ลูกแรกที่อยู่หน้าสุดคือ ภูเขาไฟบาตอก (Batok) เป็นภูเขาไฟดับแล้ว มีความสูง 2,440 เมตรจากระดับน้ำทะเล จุดชมวิวมองลงไปจะเห็นลูกแรกก่อนเพื่อนเป็นทรงชามคว่ำ ลูกที่สอง ภูเขาไฟโบรโม่ (Bromo) จากจุดชมวิวจะเห็นอยู่ถัดมาจากภูเขาไฟบาตอกทางซ้ายมือ โบรโม่มีความสูง 2,382 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ยังเป็นภูเขาไฟมีชีวิตอยู่ คือยังไม่ดับ มีควันขาวพวยพุ่งอยู่ตลอดเวลา ลูกที่สาม ภูเขาไฟซูเมรุ มีความสูงถึง 3,676 เมตร นับว่าสูงที่สุดในเกาะชวา จากจุดชมวิวจะเห็นไกลสุด เป็นภูเขามีชีวิตและมีมีควันพวยพุ่งสีเทาแล้วเว้นหายสลับกันไปเป็นระยะๆ มีคนกล่าวว่าภูเขาซูเมรุจะพ่นควันสีเทาออกมาทุกๆ 10 นาที
มีบริการม้าให้นักท่องเที่ยวสำหรับขี่ม้า ราคาไม่แพงไปยังภูเขาไฟโบรโม่ แล้วต่อด้วยการเดินบันไดขึ้นไปอีก 250 ขั้น เพื่อขี้นไปอยู่บนปากปล่องภูเขาไฟโบรโม มีควันไฟกลิ่นกำมะถันสีขาวพวยพุ่งคละคลุ้งตลอด
Dewi Homestay
No comments:
Post a Comment